Helping or Auxiliary Verbs กริยาช่วย |
|
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้ |
|
|
|
|
รูปปฎิเสธ |
คำย่อ |
is |
is not |
isn't |
am |
am not |
- |
are |
are not |
aren't |
was |
was not |
wasn't |
were |
were not |
weren't |
do |
do not |
don't |
does |
does not |
doesn't |
did |
did not |
didn't |
has |
has not |
hasn't |
have |
have not |
haven't |
had |
had not |
hadn't |
can |
can not |
can't |
could |
could not |
couldn't |
may |
may not |
mayn't |
might |
might not |
mightn't |
will |
will not |
won't |
would |
would not |
wouldn't |
shall |
shall not |
shan't |
should |
should not |
shouldn't |
must |
must not |
mustn't |
need |
need not |
needn't |
dare |
dare not |
daren't |
ought |
ought not |
oughtn't |
used to |
used not to |
usedn't to |
|
|
|
|
verb to be ได้แก่คำว่า is, am, are, was, were แปลว่า"เป็น, อยู่,
คือ" |
be เป็นรูปเดิมเมื่อกระจายรูปจะได้เป็น
is,am,are เปลี่ยนเป็นช่องที่สองคือ was were และเปลี่ยนเป็นช่องที่สามคือ been |
ใช้กับ Present tense (ปัจจุบันกาล) |
is
ใช้กับประธานเอกพจน์ |
am
ใช้กับประธานคำว่า I |
are
ใช้กับประธานพหูจน์ |
ใช้กับ
Past tense (อดีตกาล) |
was
ใช้กับประธานเอกพจน์ |
wereใช้กับประธานพหูพจน์ |
หน้าที่ของ verb to be |
1.ทำหน้าที่ช่วยกริยาตัวอื่นในประโยค continuous
tense และประโยค Passive voice |
They are watching tv. |
She was writing to her
parents. |
A dog was killed by bad man. |
2.ใช้กับประโยคที่มีคำนาม (noun) หรือคำคุณศัพท์
(adjective) ตามหลัง |
We are students. |
3.ใช้กับประโยคขอร้องและคำสั่ง(ในรูปของ be) เช่น |
Be careful! |
Be gentle! |
|
|
|
|
|
|
Verb to do ได้แก่คำว่า do,
does, did |
ใช้กับ Present tense (ปัจจุบันกาล) |
does ใช้กับประธานเอกพจน์ |
do
ใช้กับประธานพหูพจน์ |
ใช้กับ Past tense (อดีตกาล) |
did ใช้ได้ทั้งประธานเอกพจน์และประธานพหูพจน์ |
Verb to do |
ใช้กับ present Simple หรือ past Simple
เมื่อเราต้องการเปลี่ยนจากประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถามและประโยคปฎิเสธ |
Present Simple |
She goes
to school by bus. |
She doesn't go to school by bus. |
Does she
go to school by bus? |
Past Simple |
Dum went
to the post office yesterday. |
Dum didn't go to the post office
yesterday. |
Did Dum go to the post office
yesterday? |
Note: เมื่อเอา Verb to do
เข้ามาช่วยกริยาจะต้องเป็น V1เสมอ |
|
|
|
|
|
|
Verb to have ได้แก่คำว่า
has,have,had |
has
ใช้กับประธานเอกพจน์ |
have
ใช้กับประธานพหูพจน์ |
had
ใช้ได้ทั้งประธานเอกพจน์และพหูพจน์ในรูปของ past |
1. เราจะใช้กับ Present Perfect Tense และ Past
Perfect tense เช่น |
Frank
has seen the rainbow. |
Frank hasn't seen the rainbow. |
Has
Frank seen the rainbow? |
They have
watched the movie. |
They haven't watched the movie. |
Have
they watched the movie? |
|
2. Verb to have ที่เป็นกริยาแท้แปลว่า
"มี" "รับประธาน"เช่น |
I have a
new dress. |
I have
lunch early every day. |
เมื่อต้องการทำเป็นประโยคปฎิเสธและคำถามให้เอา Verb
to do มาช่วยเช่น |
We don't
have a new home. |
Do we
have a new home? |
|
|
|
|
can could แปลว่า
"สามารถ" |
1.ใช้กล่าวถึงความสามารถว่าสามารถทำสิ่งนี้สิ่งนั้นได้เช่น |
I can
play the piano. |
I can
speak French. |
ในรูปประโยคปฎิเสธและคำถามสามารถใช้ can ได้เลยเช่น |
She
can't drive. |
Can you
drive? |
|
2.เราจะไม่ใชั can กับ infinitive หรือ participles
แต่เมื่อจำเป็นเราจะใช้คำอื่นแทนเช่น |
Are you
be able to go home late? |
She will
be able to drive soon. |
|
|
|
3.could เป็น past ของ can เราใช้ could
สำหรับความสามารถทั่วไป หรือการอนุญาตเช่น |
She
could speak three languages when she was five. |
He
finished his home work. He could go out to play. |
|
3. เราใช้ can และ could |
3.1 กับความสามารถ (ability) |
I can
use a computer. |
3.2 การขอหรือการให้อนุญาต |
Can I
use your bicycle? |
You can
leave early today. |
แต่ถ้าเป็นแบบสุภาพหรือเป็นทางการเราจะใช้ could
เช่น |
Could
you hand me that book,please? |
3.3 การขอร้อง (requests) |
Can you
.... ? |
could
you...? สุภาพกว่า |
Do you
think you could...? |
can you
take this bag? |
Could
you loan a hundred baht? |
Do you
think you could help me move this box? |
3.4 เสนอตัวเพื่อช่วยเหลือ (offers) เช่น |
Can I
turn the air on for you ? |
3.5
พูดถึงความเป็นไปได้และคาดคะเนในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น (possibility and
probability) |
ใช้ can กับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เป็นไปได้
เช่น |
This
road can be dangerous at night. |
|
|
|
|
may might |
1.ใช้กับการพูดถึงการมีโอกาสของบางสิ่งบางทีอาจเป็นจริงหรืออาจจะเกิดขึ้นเช่น |
We may
take a day off next week. |
He might call me tonight. |
2. might ไม่ได้เป็น past ของ may เราจะใช้ might
เมื่อเรามีโอกาสที่น้อยกว่า may เช่น |
I may go
to visit my parents in this weekend. (บางทีโอกาสจะเป็น 50%) |
Jane
might go with me. (บางทีโอกาสจะเป็น 30% ) |
3.การใช้ may/might กับ have
ใช้แสดงการคาดคะเนที่อาจจะเกิดขึ้นในอดีต |
may/might + have +V3 |
She may
have gone out when I phoned her. |
A: I
can't find my book. |
B:You
might have left it at school. |
4. ใช้ may might ในการขออนุญาตเช่น |
May I
sit here? |
I wonder
if I might have another cup of coffee? |
5. ใช้ may
ในการอนุญาตและไม่อนุญาตเช่น |
Children
may not play alone in the pool. |
A: May I
turn the TV on? |
B: Yes,
of course you may. |
|
|
|
|
will would |
will |
1.ใช้เมื่อเราพูดถึงอนาคต |
I will
go to school early tomorrow. |
2.ใช้ will แสดงการขอร้องอย่างสุภาพเช่น |
Will you
open the door for me please? |
|
|
|
would เป็นอดีตของคำว่า will |
1.ใช้ในประโยคขอร้องที่สุภาพกว่า will |
Would
you turn the volume down please? |
2.ใช้กับประโยค Would you mind if.... |
Would
you mind if I smoke? |
3. ใช้ would กับคำ rather แปลว่า ควรจะ....ดีกว่า
ตัวย่อ 'd rather |
ใช้ในการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง |
I'd
rather study harder this year than go to summer school. |
4. ใช้ would กับ like to
ในีรูปคำถามเป็นการเชื้อเชิญเช่น |
Would
you like to go dancing with me? |
|
|
|
|
shall should |
shall |
1.ใช้ในประโยคอนาคตกาล (Future tense) ตามปกติแล้ว
shall ใช้กับ ประธาน I และ We |
2. ใช้ในการเสนอหรือให้คำแนะนำ
และใช้เมื่อขอคำแนะนำเราจะใช้ |
Shall
I...? |
Shall we
...? |
Shall I
carry your books? |
Shall we
go shopping? |
|
|
|
Should |
1.ใช้เมื่อพูดเกี่ยวกับภาระหน้าที่และความคิดเห็นที่ใกล้เคียงกันเช่น |
People
should be careful about food. |
She
shouldn't act like that in public. |
2. ใช้ Should I....? สำหรับการขอคำแนะนำ
การยื่นมือช่วยเหลือ เช่น |
Should I
go out with him ? |
Should I
help you clean up this area? |
3.
ใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่ควรจะทำแปลว่า"ควรจะ" เช่น |
You work
all day. You should take a rest. |
4. ใช้ should have +V3
ใช้พูดเกี่ยวกับอดีตโครงสร้างนี้ใช้กับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดหรือไม่ได้เกิดขึ้นเช่น |
They
should have arrived here by now. |
I should
have written a note for him |
5. ใช้กับประโยค if clause เช่น |
If I had
a lot of money, I would be happy. |
|
|
|
|
must |
แปลว่า "ต้อง"ตามด้วยกริยาช่องที่
1มีหลักการใช้ดังนี้ |
1. ใช้แสดงความจำเป็นที่ต้องกระทำ |
You must
hand your homework in tomorrow. |
2.
ใช้ในการให้คำแนะนำหรือการสั่งกับตัวเราเองหรือกับบุคคลอื่นเช่น |
He
really must stop drinking. |
You must
sit there for two hours. |
You
mustn't talk in the classroom. |
3. เราใช้ have to แทน must ได้ |
ความแตกต่างระหว่างการใช้ must และ have to |
must
เป็นการสั่งความจำเป็นมาจากบุคคลที่กำลังพูดหรือกำลังฟัง |
have to
พูดถึงความจำเป็นที่มาจากภายนอกบางทีอาจจะเพราะว่ากฎหมาย |
กฏระเบียบหรือเป็นข้อตกลงเช่น |
I must
go home now. It's going to rain soon. |
You must
stop smoking. |
I have
to stop smoking because I'm sick. |
mustn't ใช้บอกบุคคลไม่ให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ |
haven"t got to, don't have to ใช้พูดในบางสิ่งที่ไม่สำคัญเช่น |
You
mustn't tell Dang. มีความหมายว่า (Don't tell Dang.) |
You
don't have to tell your wife. หมายความว่า |
(You can
if you like, but it is not necessary.) |
4. ใช้ must เมื่อพูดถึงสิ่งที่เราแน่ใจเช่น |
The boy
keeps crying. He must be really sick. |
|
|
|
|
need
เป็นได้ทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ |
1. เมื่อใช้เป็นกริยาแท้ need + to +V1 |
He needs
to clean his car. |
You need
to water the flowers. |
ถ้าต้องการทำเป็นประโยคปฎิเสธและประโยคคำถาม ให้เอา
Verb to do มาช่วย |
You
don't need to help him. |
Do we
need to reserve the room? |
2.เมื่อใช้เป็นกริยาช่วยเราไม่ค่อยใช้เท่าไหร่ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นการใช้ |
needn't เช่น |
You
needn't explain. I understand. |
3. การใช้ needn't + have +V3
แสดงถึงการกระทำที่ไม่จำเป็นต้องทำในอดีตแต่ทำไปแล้วเป็นการเสียเวลาเปล่า |
Your
mother needn't have cooked for us. We ate out. |
|
|
|
|
dare แปลว่า "กล้า "เป็นได้ทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ |
1. เป็นกริยาแท้ dare + to
+V1และเมื่อต้องการทำเป็นประโยคปฎิเสธ |
และประโยคคำถามให้เอา Verb to do มาช่วยเช่น |
She dare
to say what is right. |
I
doesn't dare to tell him the truth. |
2.
เป็นกริยาช่วยเราไม่นิยมใช้เป็นประโยคบอกเล่าแต่เราจะใช้ daren't |
กับคนบางคนไม่กล้าทำบางสิ่งบางอย่างในขณะที่พูด |
I
daren't look. |
I
daren't touch it. |
|
|
|
|
ought แปลว่า "ควรจะ" มีหลักการใช้ดังนี้ |
1.ใช้ ought ตามด้วย to
เสมอใช้ในการแนะนำสิ่งที่ควรทำให้กับคนอื่นรวมทั้งตัวเราเองด้วยมีความหมาย |
ใกล้เคียงกับคำว่า Should เช่น |
I really
ought to teach her English. |
People
ought not to cross the road over there. |
2.ใช้ ought to+ have +V3
พูดถึงสิ่งที่ควรทำในอดีตแต่ไม่ได้ทำ |
You
ought to have phoned him yesterday. |
|
|
|
|
used to แปลว่า
"เคย" |
ปัจจุบันเราไม่นิยมใช้ used to
ในรูปแบบของกริยาช่วยแล้ว |
เราใช้เฉพาะเป็นกริยาแท้พูดถึงสิ่งที่ทำเป็นนิสัยในอดีต |
ซึ่งปัจจุบันได้หยุดไปแล้วเช่น |
I used
to eat a lot. |
She used
to be shy. |
เมื่อเป็นประโยคคำถามและประโยคปฎิเสธเราจะเอา Verb
to do เข้ามาช่วย |
เมื่อเอา Verb to do จะต้องเปลี่ยน use
ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 |
Did you
use to have a dog? |
I didn't
use to watch the news. (เป็นประโยคปฎิเสธเรานิยมใช้ never used to ) |
I never
used to watch the news. |
(be) used to +noun / ing แปลว่า
"เคยชิน" |
I am
used to driving at night. |
She is
used to the cold weather. |
|
|
|