คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่กำลังมีเรื่องกลุ้มใจเรื่อง ผิวขรุขระ บนใบหน้าที่เกิดจากรอยหลุมสิวเป็นต้องเหตุ วันนี้เรานำวิธีรักษารอยหลุมสิวบนใบหน้ามาให้คุณได้ลองเลือกใช้กันดูค่ะ ด้วย 7 วิธีรักษารอยหลุมสิว จะช่วยให้คุณมีผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นและรอยหลุมสิวที่เป็นต้นเหตุให้ ผิวขรุขระ ไม่น่ามองก็จะตื้นเขินจนหายไป ลองนำ 7 วิธีรักษารอยหลุมสิว ของเราไปลองใช้กันดูนะค่ะ แล้วคุณจะได้มีผิวหน้าที่สดใสได้อย่างไม่ต้องอายใครอีกต่อไปด้วยค่ะ
1. การใช้ยาทา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาทาในกรณีที่เป็นไม่มากนักหรือใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ ยาที่ใช้มักเป็นยาในกลุ่มวิตามิน A โดยตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแผลตื้นขึ้น
2. การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นในรอยแผลมีการสร้างเซลล์หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำ ๆ อยู่ประมาณสัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเองแต่ว่าห้ามแกะเด็ดขาด
3. การรักษาด้วย ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยาซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามิน A เข้าไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
4. การรักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับยาเข้าไปในผิวหนังโดยใช้ยาในกลุ่มวิตามิน A บำรุงและสร้างใยคอลลาเจน
5. การรักษาด้วยวิธี MD (MICRODERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผงคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
6. การรักษาด้วยวิธีการกรอแผล โดยใช้เครื่องเลเซอร์ช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้นแต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลค่อนข้างนาน
7. การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ เช่น อาติคอล หรือสาร HA เข้าไปในรอยแผลเพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
7 วิธีรักษารอยหลุมสิว
1. การใช้ยาทา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาทาในกรณีที่เป็นไม่มากนักหรือใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ ยาที่ใช้มักเป็นยาในกลุ่มวิตามิน A โดยตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแผลตื้นขึ้น
2. การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นในรอยแผลมีการสร้างเซลล์หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำ ๆ อยู่ประมาณสัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเองแต่ว่าห้ามแกะเด็ดขาด
3. การรักษาด้วย ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยาซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามิน A เข้าไปในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
4. การรักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับยาเข้าไปในผิวหนังโดยใช้ยาในกลุ่มวิตามิน A บำรุงและสร้างใยคอลลาเจน
5. การรักษาด้วยวิธี MD (MICRODERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผงคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
6. การรักษาด้วยวิธีการกรอแผล โดยใช้เครื่องเลเซอร์ช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้นแต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลค่อนข้างนาน
7. การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ เช่น อาติคอล หรือสาร HA เข้าไปในรอยแผลเพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต